Hematological abnormalities in oral lichen planus, recurrent aphthous ulceration and stomatis or glossitis

• Main Authors: Kobkan Thongprasom (Author), Pornpan Youngnak (Author), Vilaiwan Aneksuk (Author)
• Other Authors: Chulalongkorn University. Faculty of Dentistry (Contributor)
• Format: Book
• Published: Chulalongkorn University, 2008-03-07T03:16:09Z.
• Subjects: Technical Report
• Online Access: Connect to this object online.

Summary

Objective. The aim of this study was to analyse the hematologic status if Thai patients with oral lichen planus (OLP), recurrent aphthous ulceration (RAU) and stomatitis or glossitis (ST/GT). Study design. Sixty one patients were examined consecutively for hematological abnormalities including serum folate, red cell folate and serum vitamin B[subscribe12] levels. The patient were divide into 3 major groups with OLP(22), RAU(19) and ST/GT(20). Result. Low red cell folate and low serum with red cell folate were found in patients with OLP (11/22) , RAU(11/99) and ST/GT(8/20). However, there was no statistically significant difference in folate deficiencies among these groups (P.0.05). Low serum vitamin B[subscribe12] levels were found in only 5 of 61 cases. Gastrointestinal disorders were found in 15 of all these groups. Treatment in patients with deficiencies showed good response in approximately 46.3% of the cases. Conclusion. Investigations for folate and vitamin B[subscribe12] levels are recommended in patients with refractory oral lesions for the benefit of treatment.
จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้ เพื่อวิเคราะห์สภาวะของโลหิตในผู้ป่วยที่มีรอยโรคไลเคนพลานัสในช่องปาก แผลร้อนในและอาการอักเสบในช่องปากหรือลิ้นอักเสบ จากการตรวจหาความผิดปกติของโลหิตในผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 61 ราย โดยตรวจหาระดับซีรั่มโฟเลต โฟเลตในเม็ดเลือดแดง และระดับซีรั่มไวตามินบี 12 โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปาก 22 ราย ผู้ป่วยแผลร้อนใน 19 ราย และผู้ป่วยที่มีการอักเสบในช่องปากหรือลิ้นอักเสบ 20 ราย จากผลการศึกษาพบว่า ระดับโฟเลทในเม็ดโลหิตแดงและซีรั่มโฟเลตที่ต่ำกว่าปกติพบในผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปากจำนวน (11/12), แผลร้อนใน (11/19) และผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบในช่องปากหรือลิ้นอักเสบ (8/20)ราย อย่างไรก็ตามไม่พบการแตกต่างของการพร่องของระดับโฟเลตระหว่างกลุ่มต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) ระดับซีรั่มไวตามินบี12 ที่ต่ำกว่าปกติ พบเพียง 5 ใน 61 รายเท่านั้น ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารพบ 15 รายในผู้ป่วยกลุ่มนี้ การรักษาผู้ป่วยที่มีความบกพร่องต่างๆพบว่ามีการตอบสนองที่ดีประมาณ 46.3% ของผู้ป่วยทั้งหมก โดยสรุปการตรวจหาระดับโฟเลตและไวตามินบี [subscribe12] เป็นสิ่งที่แนะนำให้ควรทำในผู้ป่วยที่มีรอยโรคในช่องปากที่รักษายากเพื่อผลดีต่อการรักษา
เงินอุดหนุนงบประมาณแผ่นดิน ปี 2541